ป้ายโฆษณา
ป้ายโฆษณา
ป้ายโฆษณา
ป้ายโฆษณา
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้47
mod_vvisit_counterเมื่อวาน1117
mod_vvisit_counterสัปดาห์นี้4998
mod_vvisit_counterสัปดาห์ที่ผ่านมา5068
mod_vvisit_counterเดือนนี้23768
mod_vvisit_counterเดือนที่ผ่านมา25560
mod_vvisit_counterผู้เข้าชมทั้งหมด1277755

We have: 3 guests online
Your IP: 44.199.212.254
 , 
Today: มี.ค. 29, 2024

ผู้ใช้บริการ

เรามี 3 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

PDF พิมพ์ อีเมล

 

ระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๔
และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๔


โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์พนักงานเทศบาล ลูกจ้าง และสมาชิกสภาเทศบาล และจัดให้มีสวัสดิการการฌาปนกิจสงเคราะห์สำหรับข้าราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและบุคลากรท้องถิ่น เพื่อเป็นการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันระหว่างสมาชิก

อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๐ ของระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๗ ประกอบกับมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินงานการฌาปนกิจสงเคราะห์พนักงานเทศบาล ลูกจ้าง และสมาชิกสภาเทศบาล ครั้งที่ ๙/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ จึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้

 

หมวด ๑

บททั่วไป

 

ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า”ระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๔”

ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐให้ความเห็นชอบเป็นต้นไป

ข้อ ๓ ให้ยกเลิก
(๑) ระเบียบการฌาปนกิจสงเคราะห์พนักงานเทศบาล ลูกจ้าง และสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. ๒๕๑๗
(๒) ระเบียบการฌาปนกิจสงเคราะห์พนักงานเทศบาล ลูกจ้าง และสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๑
(๓) ระเบียบการฌาปนกิจสงเคราะห์พนักงานเทศบาล ลูกจ้าง และสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๔
(๔) ระเบียบการฌาปนกิจสงเคราะห์พนักงานเทศบาล ลูกจ้าง และสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖

ข้อ ๔ ในระเบียบนี้
“ก.ฌ.” หมายความว่า การฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น 
  “สำนักงาน ก.ฌ.” หมายความว่า สำนักงานการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น 
“สมาชิก” หมายความว่า สมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น
“ประธาน ก.ฌ.” หมายความว่า  ประธานกรรมการดำเนินการการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น 
“คณะกรรมการ ก.ฌ.” หมายความว่า  คณะกรรมการดำเนินการการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น  
“กรรมการ ก.ฌ.” หมายความว่า กรรมการดำเนินการการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น
“เงินค่าสมัคร” หมายความว่า เงินค่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น
“เงินค่าบำรุง” หมายความว่า เงินที่เรียกเก็บจากสมาชิกเป็นรายปี
“เงินสงเคราะห์” หมายความว่า เงินที่สมาชิกร่วมกันออกช่วยเหลือเป็นค่าจัดการศพ หรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น
“เงินสงเคราะห์ล่วงหน้า” หมายความว่า เงินสงเคราะห์ที่การฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่นเรียกเก็บไว้ล่วงหน้าเพื่อสำรองจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์เมื่อมีสมาชิกถึงแก่ความตาย
“นายทะเบียน” หมายความว่า นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐ 

ข้อ ๕ ให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจตีความวินิจฉัยปัญหา ตลอดจนกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบนี้

หมวด ๒

วัตถุประสงค์และที่ตั้งสำนักงาน


ข้อ ๖ ก.ฌ. มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สมาชิกทำการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในการจัดการศพ หรือจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิกที่ถึงแก่ความตายด้วยเงินสงเคราะห์ โดยไม่ประสงค์จะหากำไรหรือรายได้เพื่อแบ่งปันกัน 
การตายนี้ให้รวมถึงการสาบสูญตามคำสั่งศาล
 
ข้อ ๗ สำนักงาน ก.ฌ. ตั้งอยู่ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย และเปิดทำการตามวัน เวลาราชการ
 
ข้อ ๘ เครื่องหมายของ ก.ฌ. เป็นรูปวงรีตรงกลางเป็นรูปราชสีห์ ใต้รูปราชสีห์มีรูปมือ ๒ มือ โอบอุ้มราชสีห์ เหนือรูปราชสีห์มีอักษรคำว่า “การฌาปนกิจสงเคราะห์” และใต้รูปมือมีอักษรคำว่า “ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น”

 
หมวด ๓
สมาชิกภาพและการขาดจากสมาชิกภาพ
 
ข้อ ๙ ผู้สมัครเป็นสมาชิกต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
(๑)ข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างประจำกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ลูกจ้างประจำของกองทุน พนักงานสหกรณ์ออมทรัพย์และหน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมหรือการกำกับดูแลของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ก.ฌ. นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รองนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ปรึกษาและเลขานุการของผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น ข้าราชการ พนักงาน พนักงานจ้างตามภารกิจ พนักงานจ้างทั่วไปหรือลูกจ้างประจำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(๒) มีความประพฤติดีและยินยอมปฏิบัติตามระเบียบของ ก.ฌ
(๓) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
(๔) ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือเป็นโรคเรื้อรังจนรักษาไม่หาย
(๕) อายุไม่เกินหกสิบปีบริบูรณ์ นับถึงวันสมัคร  

ข้อ ๑๐ ผู้ที่ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิก ให้ยื่นใบสมัครด้วยตนเองที่สำนักงาน ก.ฌ. หรือหน่วยงานต้นสังกัด พร้อมด้วยเงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง เงินสงเคราะห์ล่วงหน้า ใบรับรองแพทย์ และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัคร และของผู้ที่ประสงค์ให้ได้รับเงินสงเคราะห์

ข้อ ๑๑ ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกต้องระบุชื่อผู้ที่ประสงค์ให้ได้รับเงินสงเคราะห์ไว้ให้ชัดแจ้งในใบสมัครถ้ามีการเปลี่ยนแปลงผู้รับเงินสงเคราะห์ในภายหลัง สมาชิกต้องแจ้งให้ ก.ฌ. ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร 

ข้อ ๑๒ ให้ประธาน ก.ฌ. หรือผู้ที่คณะกรรมการ ก.ฌ. มอบหมายมีอำนาจสั่งรับผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตามข้อ ๙ และได้ดำเนินการตามข้อ ๑๐ ครบถ้วน หรือผู้ขอกลับเข้าเป็นสมาชิกตามข้อ ๑๖ เข้าเป็นสมาชิก 
สมาชิกภาพของผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกมีผลสมบูรณ์นับแต่วันที่มีคำสั่งรับเข้าเป็นสมาชิก
 
ข้อ ๑๓ ก.ฌ. จะออกหนังสือหลักฐานแสดงการเป็นสมาชิกให้แก่สมาชิก และแจ้งให้หน่วยงานต้นสังกัดลงทะเบียนให้ถูกต้องตรงกัน
ในกรณีสมาชิกรายใดขอเปลี่ยนแปลงรายการในทะเบียนให้หน่วยงานต้นสังกัด แจ้งให้ ก.ฌ. แก้ไขรายการนั้นโดยเร็ว 

ข้อ ๑๔ สมาชิกซึ่งโอนหรือย้ายไปรับราชการในสังกัดกระทรวง ทบวง กรม หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นหรือพ้นจากราชการหรืองานด้วยเหตุใด ๆ ไม่ทำให้ขาดสมาชิกภาพ

ข้อ ๑๕ สมาชิกภาพย่อมสิ้นสุดลงในกรณี ดังต่อไปนี้
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) คณะกรรมการ ก.ฌ. ให้พ้นจากสมาชิกภาพเพราะไม่ชำระเงินสงเคราะห์ ภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่ประกาศรายชื่อสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย และ ก.ฌ. มีหนังสือแจ้งให้ชำระเงินภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ครบกำหนดครั้งแรก
(๔) กระทำการใดๆ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ ก.ฌ. อย่างร้ายแรงและคณะกรรมการ ก.ฌ. มีมติให้พ้นจากสมาชิกภาพ
การสิ้นสุดแห่งสมาชิกภาพตาม (๒) (๓) และ (๔) สมาชิกไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง และเงินสงเคราะห์ที่ได้ชำระตามระเบียบนี้คืนจาก ก.ฌ. เว้นแต่เงินสงเคราะห์ล่วงหน้าที่ยังไม่ตกอยู่ในความผูกพันที่จะต้องจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์ให้แก่สมาชิกที่ถึงแก่ความตาย

ข้อ ๑๖ นอกจากในกรณีตามข้อ ๑๕ (๑) แล้ว ผู้ที่พ้นจากสมาชิกภาพอาจขอกลับเข้าเป็นสมาชิกได้อีกตราบเท่าที่ยังมีคุณสมบัติตามข้อ ๙ แต่ต้องชำระ เงินค่าบำรุง และเงินสงเคราะห์ในระหว่างที่พ้นจากสมาชิกภาพจนครบถ้วน และ ก.ฌ. สงวนไว้ซึ่งสิทธิที่จะให้บุคคลดังกล่าวต้องรับการตรวจจากแพทย์ที่เห็นสมควรอีกครั้งก็ได้
 
หมวด ๔
 เงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง เงินสงเคราะห์ และเงินสงเคราะห์ล่วงหน้า

 

  ข้อ ๑๗ ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกต้องชำระเงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง และเงินสงเคราะห์ล่วงหน้าตามอัตราดังต่อไปนี้

(๑) เงินค่าสมัคร

(ก) ผู้ที่มีอายุในวันสมัครตั้งแต่สิบแปดปี แต่ไม่ถึงสามสิบปี คนละสี่สิบบาท

(ข) ผู้ที่มีอายุในวันสมัครตั้งแต่สามสิบปี แต่ไม่ถึงสี่สิบปี คนละหกสิบบาท

(ค) ผู้ที่มีอายุในวันสมัครตั้งแต่สี่สิบปี แต่ไม่ถึงห้าสิบปี คนละแปดสิบบาท

(ง) ผู้ที่มีอายุในวันสมัครตั้งแต่ห้าสิบปี แต่ไม่เกินหกสิบปี คนละหนึ่งร้อยบาท 

(๒) เงินค่าบำรุง ให้สมาชิกชำระเงินค่าบำรุงปีละสามสิบบาท 

(๓) เงินสงเคราะห์ล่วงหน้า ให้สมาชิกชำระเงินสงเคราะห์ล่วงหน้าตามอัตราที่กำหนดในข้อ ๒๓ 

 

ข้อ ๑๘ เมื่อสมาชิกคนใดคนหนึ่งถึงแก่ความตาย สมาชิกทุกคนมีหน้าที่ต้องชำระเงินสงเคราะห์หรือค่าจัดการศพในอัตราศพละห้าบาท ตามประกาศรายชื่อสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย  

 

ข้อ ๑๙ สมาชิกต้องแสดงความยินยอมเป็นหนังสือให้หน่วยงานต้นสังกัดหักเงินสงเคราะห์จากเงินได้รายเดือนตามข้อ ๑๘

ในกรณีที่ไม่สามารถหักเงินสงเคราะห์ตามวรรคหนึ่งได้ ให้สมาชิกชำระเงินนั้นต่อหน่วยงานต้นสังกัดของสมาชิกหรือ ก.ฌ. แล้วแต่กรณี

ให้หน่วยงานต้นสังกัดของสมาชิกจัดทำบัญชีแสดงรายการรับส่งเงินขึ้นสองฉบับ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานฉบับหนึ่ง และส่งให้ ก.ฌ. อีกฉบับหนึ่งพร้อมกับจำนวนเงินภายในเจ็ดวัน นับแต่วันที่หักเงินสงเคราะห์หรือได้รับเงินสงเคราะห์ไว้

ข้อ ๒๐ การส่งเงินให้ส่งในนามประธาน ก.ฌ. เป็นตั๋วแลกเงินธนาคาร แคชเชียร์เช็ค เช็คธนาคาร และขีดคร่อมเช็คหรือไปรษณีย์ธนาณัติหรือวิธีการอื่น 

 

ข้อ ๒๑ ถ้าต้องเสียค่าธรรมเนียมในการซื้อตั๋วแลกเงินธนาคาร แคชเชียร์เช็ค หรือไปรษณีย์ธนาณัติให้หน่วยงานต้นสังกัดของสมาชิกหักค่าธรรมเนียมดังกล่าวออกจากเงินที่นำส่ง แล้วให้หมายเหตุจำนวนเงินที่จะต้องเสียเป็นค่าธรรมเนียมไว้ในแบบนำส่งเงินนั้นด้วย

 

ข้อ ๒๒ กรณีมีความจำเป็นที่หน่วยงานต้นสังกัดของสมาชิกจะต้องเก็บรักษาเงินที่รับไว้จากสมาชิก ก่อนที่จะส่งไปยัง ก.ฌ. หรือเงินที่ส่งมาจาก ก.ฌ. เพื่อจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์ ให้เก็บรักษาไว้ในลักษณะเงินฝากของหน่วยงานต้นสังกัด

ข้อ ๒๓ ก.ฌ. จะเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ล่วงหน้าจำนวนหกสิบศพ เป็นเงินคนละสามร้อยบาท ก.ฌ. จะจ่ายเงินสงเคราะห์ล่วงหน้าคืนให้แก่สมาชิกหรือทายาทของสมาชิกที่ถึงแก่ความตายเท่าที่สมาชิกผู้นั้นยังไม่ตกอยู่ในความผูกพันที่จะต้องจ่ายเงินสงเคราะห์ตามที่จ่ายไว้ล่วงหน้า และเงินสงเคราะห์ล่วงหน้านี้ ก.ฌ. จะนำไปใช้จ่ายในกิจการอื่นใดไม่ได้ เว้นแต่จะนำไปใช้สำรองจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์ของสมาชิกผู้นั้นเองในเมื่อสมาชิกอื่นถึงแก่ความตาย   

ข้อ ๒๔ เมื่อสมาชิกผู้ใดถึงแก่ความตาย ให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์ ผู้บังคับบัญชา หรือครอบครัวของสมาชิกแจ้ง ก.ฌ. พร้อมด้วยหลักฐาน ดังนี้
(๑) สำเนามรณบัตร 
(๒) สำเนาทะเบียนบ้านของสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย 
(๓) สำเนาทะเบียนสมรสกรณีจดทะเบียนสมรส
(๔) สำเนาบัตรประจำตัวของผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์
(๕) สำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์
(๖) สำเนาหลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุลของผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์ กรณีมีการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล
(๗) เอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง

ข้อ ๒๕ ในกรณีที่สมาชิกถึงแก่ความตาย ก.ฌ. จะจ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่บุคคลซึ่งระบุไว้ในใบสมัครหรือบุคคลที่สมาชิกได้ขอเปลี่ยนแปลงเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งสุดท้ายให้เป็นผู้รับเงินสงเคราะห์ และได้แจ้ง ก.ฌ. แล้ว 

ข้อ ๒๖ ในกรณีที่สมาชิกถึงแก่ความตาย ให้ ก.ฌ. จ่ายค่าจัดการศพหรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวให้แก่บุคคลที่สมาชิกได้ระบุไว้ในใบสมัครให้เป็นผู้จัดการศพและหรือผู้รับเงินสงเคราะห์ ซึ่งต้องเป็นบุคคลดังต่อไปนี้
(๑) สามี ภริยา บุตร บิดา มารดา
(๒) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
(๓) พี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน
(๔) ปู่ ย่า ตา ยาย
(๕) ลุง ป้า น้า อา
(๖) ผู้อุปการะเลี้ยงดูหรือผู้อยู่ในอุปการะเลี้ยงดู
ในกรณีไม่มีบุคคลที่สมาชิกระบุไว้ในใบสมัคร หรือมีบุคคลที่ระบุไว้ในใบสมัครแต่ไม่อาจจัดการตามเจตนาของสมาชิกได้ หรือในกรณีที่สมาชิกไม่ได้ระบุบุคคลใดไว้ในใบสมัคร บุคคลตามวรรคหนึ่งอาจยื่นคำร้องต่อ ก.ฌ. เพื่อขอเป็นผู้จัดการศพก็ได้
เมื่อ ก.ฌ. ได้รับคำร้องตามวรรคสอง และได้พิจารณาแล้วเห็นว่าบุคคลนั้นสามารถเป็นผู้จัดการศพของสมาชิกได้จริง ให้ ก.ฌ. จ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่บุคคลนั้น แต่ถ้า ก.ฌ. เห็นว่าบุคคลนั้นไม่สามารถเป็นผู้จัดการศพได้ หรือไม่มีบุคคลตามวรรคหนึ่งยื่นคำร้องภายในระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในระเบียบ ให้ ก.ฌ. จัดการศพให้แก่สมาชิกที่ถึงแก่ความตายตามสมควรแก่ฐานานุรูปและประเพณีทางศาสนาของสมาชิกนั้น
เมื่อได้ปฏิบัติตามวรรคสามแล้วยังคงมีเงินสงเคราะห์เหลืออยู่ ให้ ก.ฌ. จ่ายเงินส่วนที่เหลืออยู่ให้แก่บุคคลที่สมาชิกได้ระบุไว้ในใบสมัคร แต่ถ้าไม่มีบุคคลที่สมาชิกระบุไว้ในใบสมัคร ให้ ก.ฌ. จ่ายเงินดังกล่าวให้แก่บุคคลในวรรคหนึ่งตามลำดับก่อนหลัง โดยผู้อยู่ลำดับก่อนย่อมตัดสิทธิผู้อยู่ลำดับหลัง ถ้ามีผู้อยู่ในลำดับเดียวกันหลายคน ให้ ก.ฌ. แบ่งเงินสงเคราะห์ที่เหลืออยู่ให้แก่ทุกคนในสัดส่วนที่เท่ากัน หากไม่อาจแบ่งเงินให้แก่บุคคลใดได้ ให้เงินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน
 
ข้อ ๒๗ การจ่ายเงินค่าฌาปนกิจสงเคราะห์ตามความในข้อ ๒๖ ให้จ่ายตามจำนวนเงินที่คำนวณเก็บได้จากสมาชิกโดยจ่ายให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันที่คณะกรรมการ ก.ฌ. อนุมัติ ทั้งนี้ ในการรับเงินผู้รับเงินต้องจัดหาบุคคลน่าเชื่อถือให้การรับรองการรับเงินนั้น 
ก.ฌ. จะหักเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายไม่เกินอัตราร้อยละสี่ของจำนวนเงินสงเคราะห์ที่เรียกเก็บได้
 
ข้อ ๒๘ ในการจ่ายเงินสงเคราะห์รายใดเกิดปัญหาโต้แย้งที่ต้องมีการวินิจฉัยชี้ขาด ให้คณะกรรมการ ก.ฌ. วินิจฉัยชี้ขาดข้อโต้แย้งที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินสงเคราะห์นั้น โดยให้ถือมติของที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ฌ. เป็นเกณฑ์
 
 หมวด ๕
สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก

 

ข้อ ๒๙ สมาชิกมีสิทธิดังนี้

(๑) มีสิทธิแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจการของ ก.ฌ. ต่อคณะกรรมการ ก.ฌ. และมีสิทธิเรียกร้องให้คณะกรรมการ ก.ฌ. กระทำหรืองดเว้นการกระทำเพื่อประโยชน์ของ ก.ฌ. หรือป้องกันความเสียหายอันเกิดขึ้นแก่ ก.ฌ.

(๒) ขอตรวจสอบบัญชีและเอกสารเพื่อทราบการดำเนินกิจการของ ก.ฌ.

(๓) ยื่นคำร้องขอต่อนายทะเบียนให้เลิก ก.ฌ. พร้อมด้วยเหตุผลประกอบคำร้องขอ โดยมีสมาชิกอื่นร่วมด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของสมาชิกทั้งหมด

(๔) ยื่นคำร้องขอต่อนายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินกิจการ

 

ข้อ ๓๐ สมาชิกมีหน้าที่ต้องปฏิบัติดังนี้

(๑) ปฏิบัติตามระเบียบ คำสั่งของ ก.ฌ. และมติคณะกรรมการ ก.ฌ.

(๒) ต้องชำระเงินสงเคราะห์ให้เรียบร้อยภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่ประกาศรายชื่อสมาชิกถึงแก่ความตาย

(๓) เก็บรักษาหนังสือหลักฐานแสดงการเป็นสมาชิกของ ก.ฌ. ไว้ ถ้าหายต้องรีบแจ้งเพื่อขอใบแทนใหม่จาก ก.ฌ.

(๔) การย้ายที่อยู่ เปลี่ยนชื่อตัว เปลี่ยนชื่อสกุล หรือกรณีแก้วัน เดือน ปีเกิดของสมาชิก ให้ยื่นคำร้องต่อ ก.ฌ. ภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพื่อ ก.ฌ. จะได้แก้ไขหลักฐานต่างๆ ในทะเบียนให้ถูกต้อง

(๕) แจ้งความประสงค์เป็นหนังสือเมื่อต้องการเปลี่ยนตัวบุคคลตามที่แสดงความจำนงไว้ในใบสมัคร

 

หมวด ๖
คณะกรรมการและการดำเนินกิจการ

 
ข้อ ๓๑ ให้มีคณะกรรมการ ก.ฌ. ประกอบด้วย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นประธานกรรมการ และกรรมการ จำนวนไม่น้อยกว่าห้าคน แต่ไม่เกินสิบคน
การตั้งกรรมการและเปลี่ยนตัวกรรมการให้อยู่ในดุลพินิจและความรับผิดชอบของอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งต้องมีคำสั่งแต่งตั้งกรรมการพร้อมส่งสำเนาที่มีคำรับรองว่าถูกต้องภายในสามสิบวันไปให้นายทะเบียนทราบด้วย

ข้อ ๓๒ ให้คณะกรรมการ ก.ฌ. เป็นผู้ดำเนินการฌาปนกิจสงเคราะห์และเป็นผู้แทนในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ในการนี้คณะกรรมการ ก.ฌ. จะมอบหมายให้กรรมการ ก.ฌ. คนหนึ่งหรือหลายคนทำการแทนก็ได้
ประธาน ก.ฌ. มีอำนาจดำเนินการตามมติของคณะกรรมการ ก.ฌ.
 
ข้อ ๓๓ กรรมการ ก.ฌ. ไม่มีสิทธิรับเงินเดือนหรือค่าจ้างหรือเงินอื่นใด นอกจากเบี้ยประชุมหรือค่าพาหนะเท่านั้น โดยวางระเบียบเกี่ยวกับเรื่องนี้และส่งสำเนาที่มีคำรับรองว่าถูกต้องต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวัน

ข้อ ๓๔ คณะกรรมการ ก.ฌ. มีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการของ ก.ฌ. ให้เป็นไปตามระเบียบนี้ รวมทั้งมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) กำหนดหลักเกณฑ์ ระเบียบต่างๆ เพื่อใช้ในการดำเนินกิจการ ก.ฌ. 
(๒) ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามระเบียบ
(๓) จัดการในเรื่องอื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์แก่ ก.ฌ. การใช้จ่ายเงินของ ก.ฌ. ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของระเบียบ ก.ฌ. ที่วางไว้โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย 
(๔) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือคณะกรรมการ ก.ฌ. ในการดำเนินกิจการ
(๕) วินิจฉัยกรณีที่เกิดปัญหาการจ่ายเงินสงเคราะห์ ตามข้อ ๒๘

ข้อ ๓๕ ให้คณะกรรมการ ก.ฌ. ประชุมกันเป็นประจำทุกเดือนๆ ละหนึ่งครั้ง ถ้ามีเหตุผลและความจำเป็นจะประชุมหรืออาจประชุมกันมากกว่าเดือนละครั้งก็ได้ 
ในการประชุมต้องมีกรรมการ ก.ฌ. มาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งจึงเป็นองค์ประชุม 

ข้อ ๓๖ ให้ประธาน ก.ฌ. เป็นประธานที่ประชุม ถ้าประธาน ก.ฌ. ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้รองประธาน ก.ฌ. คนใดคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่แทน ถ้าทั้งประธาน ก.ฌ. และรองประธาน ก.ฌ. ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการ ก.ฌ. คนใดคนหนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม 
กรรมการ ก.ฌ. มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน การวินิจฉัยใดๆ ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงชี้ขาด

ข้อ ๓๗ กรรมการ ก.ฌ. ย่อมพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นให้พ้นจากตำแหน่ง
(๔) พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือการเป็นข้าราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

ข้อ ๓๘ ประธาน ก.ฌ. มีอำนาจ ดังนี้
(๑) สั่งการ และบริหารกิจการของ ก.ฌ. ให้เป็นไปตามระเบียบตามข้อ ๓๔ 
(๒) แต่งตั้ง ถอดถอน เปลี่ยนแปลงกรรมการ ที่ปรึกษา อนุกรรมการ เจ้าหน้าที่ 
(๓) ลงโทษเจ้าหน้าที่ กำหนดและเพิ่มเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน หรือเงินอื่นใด ของเจ้าหน้าที่ของ ก.ฌ. 
ในกรณีที่ประธาน ก.ฌ. ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธาน ก.ฌ. ปฏิบัติหน้าที่แทน  ประธาน ก.ฌ. อาจมอบอำนาจตามวรรคหนึ่งให้กรรมการอื่นปฏิบัติหน้าที่แทนได้
 
หมวด ๗
การทะเบียน การเงิน และการบัญชี
 

ข้อ ๓๙ ก.ฌ. ต้องจัดให้มีทะเบียนสมาชิกตามแบบที่นายทะเบียนกำหนด และให้เก็บรักษาไว้ที่สำนักงาน พร้อมทั้งหลักฐานเอกสารที่ใช้ประกอบการลงทะเบียนด้วยและให้ส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกที่มีอยู่ในวันที่ครบเก้าสิบวันนับแต่วันที่ขึ้นทะเบียนให้แก่นายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันดังกล่าวและเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายนของทุกปีให้ส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นและแจ้งบัญชีรายชื่อของสมาชิกที่ตายหรือการพ้นจากสมาชิกภาพตามที่นายทะเบียนกำหนดให้แก่นายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่สิ้นเดือนมิถุนายน

ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกตามที่ปรากฏในทะเบียนสมาชิก ให้ ก.ฌ. รายงานนายทะเบียนตามแบบที่นายทะเบียนกำหนดตามระยะเวลาในวรรคหนึ่ง

  ข้อ ๔๐ ก.ฌ. ต้องจัดให้มีบัญชีแสดงฐานะการเงินตามแบบที่นายทะเบียนกำหนด และต้องเก็บรักษาเอกสารประกอบบัญชีที่แสดงให้เห็นความถูกต้องแห่งบัญชีนั้นไว้ด้วย

 
ข้อ ๔๑ เงินทุกประเภทที่ ก.ฌ. ได้รับต้องนำฝากธนาคารของรัฐหรือธนาคารพาณิชย์ที่เชื่อถือได้ในนามของ ก.ฌ.
 
ข้อ ๔๒ เงินหรือผลประโยชน์ของ ก.ฌ. ที่ได้รับมาหรือมีผู้บริจาคด้วยศรัทธา หรือดอกผลที่ฝากธนาคารให้ตกเป็นของ ก.ฌ. ทั้งสิ้น
 
ข้อ ๔๓ ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีปฏิทินของทุกปี ก.ฌ. จะต้องทำบัญชีงบดุลตามแบบที่       นายทะเบียนกำหนด เสนอต่ออธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อขออนุมัติ และต้องส่งสำเนางบดุลที่มี  คำรับรองว่าถูกต้องและเอกสารประกอบงบดุลให้แก่นายทะเบียนภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับอนุมัติและให้แสดงงบดุลนั้นไว้ที่สำนักงาน ก.ฌ. เพื่อให้สมาชิกและผู้ที่มีส่วนได้เสียตรวจดูได้ด้วยนับแต่วันที่ได้รับอนุมัติ และต้องแสดงไว้ที่สำนักงาน ก.ฌ. เพื่อการนี้จะแต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีดำเนินการก็ได้

ข้อ ๔๔ หลักฐานและเอกสารทางทะเบียน ทางการเงิน การบัญชี และบัญชีงบดุล ก.ฌ. ต้องเก็บรักษาไว้ไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี

 หมวด ๘

การแก้ไขหรือเพิ่มเติมระเบียบ

 

ข้อ ๔๕ การแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบนี้ จะกระทำได้เมื่อไม่ขัดต่อวัตถุประสงค์ของ ก.ฌ. และระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้เป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการโดยมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมด และแจ้งให้นายทะเบียนทราบ เมื่อนายทะเบียนพิจารณาเห็นว่าถูกต้องแล้วก็ใช้บังคับได้

 

หมวด ๙
การเลิกการฌาปนกิจสงเคราะห์
 
ข้อ ๔๖ ในกรณีที่ได้รับคำสั่งจากนายทะเบียนให้เลิก ก.ฌ. ให้คณะกรรมการ ก.ฌ. ประชุมพิจารณาว่าสมควรเลิกหรือจะมีทางแก้ไขประการใด ถ้าที่ประชุมมีมติไม่ให้เลิกและมีเหตุผลและวิธีการแก้ไขประการใด ให้ทำหนังสืออุทธรณ์ต่อรัฐมนตว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยยื่นต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง

 

ข้อ ๔๗ เมื่อ ก.ฌ. ต้องเลิก ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมีหน้าที่รับผิดชอบในการชำระบัญชีให้เสร็จโดยเร็ว และเมื่อได้ชำระบัญชีแล้ว ถ้ามีทรัพย์สินเหลืออยู่เท่าใด ให้นำทรัพย์สินนั้นไปใช้จ่ายในด้านสวัสดิการตามที่ระบุไว้ในระเบียบนี้หรือตามมติของคณะกรรมการ ก.ฌ. ต่อไป ในกรณีที่มิได้ระบุไว้ในระเบียบหรือคณะกรรมการมิได้มีมติไว้ ให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน
 
บทเฉพาะกาล
 
ข้อ ๔๘ ให้สมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์พนักงานเทศบาล ลูกจ้าง และสมาชิกสภาเทศบาล ตามระเบียบ การฌาปนกิจสงเคราะห์พนักงานเทศบาล ลูกจ้าง และสมาชิกสภาเทศบาล ก่อนวันที่ระเบียบนี้มีผลบังคับใช้ เป็นสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่นตามระเบียบนี้ 

ข้อ ๔๙ ให้คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ของการฌาปนกิจสงเคราะห์ตามระเบียบการฌาปนกิจสงเคราะห์พนักงานเทศบาล ลูกจ้าง และสมาชิกสภาเทศบาล ซึ่งได้รับแต่งตั้งและปฏิบัติหน้าที่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ มีผลใช้บังคับ มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการต่อไป จนกว่าจะมีการแต่งตั้งตามระเบียบนี้

ข้อ ๕๐ ให้บรรดากิจการ อำนาจหน้าที่ ทรัพย์สิน งบประมาณ หนี้ สิทธิ ภาระผูกพัน ลูกจ้าง ของการฌาปนกิจสงเคราะห์พนักงานเทศบาล ลูกจ้าง และสมาชิกสภาเทศบาล ตามระเบียบการฌาปนกิจสงเคราะห์พนักงานเทศบาล ลูกจ้าง และสมาชิกสภาเทศบาล เป็นของการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่นตามระเบียบนี้

ข้อ ๕๑ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง มติ และหนังสือใดๆ ตามระเบียบการฌาปนกิจสงเคราะห์พนักงานเทศบาล ลูกจ้าง และสมาชิกสภาเทศบาล  ให้ใช้บังคับต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ จนกว่าจะมีระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ  คำสั่ง มติ หรือหนังสือตามระเบียบนี้

ข้อ ๕๒ บรรดาแบบพิมพ์ ทะเบียน บัญชี ตลอดจนเอกสารใดๆ ตามระเบียบการฌาปนกิจสงเคราะห์พนักงานเทศบาล ลูกจ้าง และสมาชิกสภาเทศบาล ให้ใช้แบบเดิมไปพลางก่อน จนกว่ามีการกำหนดตามระเบียบนี้
 
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔
 
(นายขวัญชัย  วงศ์นิติกร)
อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

 

ดาวน์โหลด ระเบียบการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น

 

 




ข้อ ๙ (๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น  (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๔  
ข้อ ๙ (๕) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น  (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙  
ข้อ ๑๗ (๑) (ง) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น  (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙  
ข้อ ๑๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น  (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๐  



 

 

Copyright© siteground