ป้ายโฆษณา
ป้ายโฆษณา
ป้ายโฆษณา
ป้ายโฆษณา
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้866
mod_vvisit_counterเมื่อวาน1958
mod_vvisit_counterสัปดาห์นี้6157
mod_vvisit_counterสัปดาห์ที่ผ่านมา8006
mod_vvisit_counterเดือนนี้33977
mod_vvisit_counterเดือนที่ผ่านมา40717
mod_vvisit_counterผู้เข้าชมทั้งหมด1672006

We have: 35 guests online
Your IP: 18.97.9.168
 , 
Today: มี.ค. 27, 2025

ผู้ใช้บริการ

เรามี 35 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

PDF พิมพ์ อีเมล

  ระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๗

 

โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่นให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
  อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๐ ของระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพซึ่งเป็นนิติบุคคล ที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๗ และมติคณะกรรมการดำเนินงานฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น ในการประชุม ครั้งที่ ๗/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และครั้งที่ ๘/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้

 

 

หมวด ๑
บททั่วไป

 


ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๗”

ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐให้ความเห็นชอบเป็นต้นไป

ข้อ ๓ ให้ยกเลิก

(๑) ระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๔

(๒) ระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙

(๓) ระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๐

(๔) ระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๔ 

(๕) ระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๕

ข้อ ๔ สำนักงาน ก.ฌ. ตั้งอยู่ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย และเปิดทำการตามวัน และเวลาราชการ 

ข้อ ๕ เครื่องหมายของสำนักงาน ก.ฌ. เป็นรูปวงรีตรงกลางเป็นรูปราชสีห์ ใต้รูปราชสีห์ มีรูปมือ ๒ มือ โอบอุ้มราชสีห์ เหนือรูปราชสีห์มีอักษรคำว่า “การฌาปนกิจสงเคราะห์” และใต้รูปมือมีอักษรคำว่า “ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น”

ข้อ ๖ ในระเบียบนี้

      “การฌาปนกิจสงเคราะห์” หมายความว่า การฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น เรียกชื่อย่อว่า “ก.ฌ.”

      “สำนักงาน ก.ฌ.” หมายความว่า สำนักงานการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น

      “คณะกรรมการ ก.ฌ.” หมายความว่า คณะกรรมการดำเนินการการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น

      “ประธาน ก.ฌ.” หมายความว่า ประธานกรรมการดำเนินการการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น

      “นายทะเบียน” หมายความว่า นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐ

“นายทะเบียน ก.ฌ.” หมายความว่า นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น

“สมาชิก” หมายความว่า สมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น

      “เงินค่าสมัคร” หมายความว่า เงินค่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น

      “เงินค่าบำรุง” หมายความว่า เงินที่เรียกเก็บจากสมาชิกเป็นรายปี

      “เงินสงเคราะห์” หมายความว่า เงินที่สมาชิกร่วมกันออกช่วยเหลือเป็นค่าจัดการศพ หรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น

      “เงินสงเคราะห์ล่วงหน้า” หมายความว่า เงินสงเคราะห์ที่การฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่นเรียกเก็บจากสมาชิกไว้ล่วงหน้าเพื่อสำรองจ่ายเป็นค่าจัดการศพ หรือค่าจัดการศพ และสงเคราะห์ครอบครัว ตามอัตราที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้

ข้อ ๗ ให้ผู้อำนวยการสำนักบริหารการคลังท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นนายทะเบียน ก.ฌ.

    ข้อ ๘ ให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในฐานะประธาน ก.ฌ. รักษาการตามระเบียบนี้

 

 

หมวด ๒
วัตถุประสงค์



ข้อ ๙ ก.ฌ. มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สมาชิกทำการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในการจัดการศพ หรือจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิกที่ถึงแก่ความตายด้วยเงินสงเคราะห์ โดยไม่ประสงค์จะหากำไรหรือรายได้เพื่อแบ่งปันกัน

  การตายนี้รวมถึงการสาบสูญตามคำสั่งศาล


 

หมวด ๓
สมาชิกภาพและการขาดจากสมาชิกภาพ

 

 

ข้อ ๑๐ ผู้สมัครเป็นสมาชิกต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้

(๑) เป็นข้าราชการ พนักงานราชการ เจ้าหน้าที่และพนักงานจ้าง ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมหรือการกำกับดูแลของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นที่อยู่ภายใต้การควบคุมหรือการกำกับดูแลของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

(๒) เป็นผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างประจำ พนักงานจ้างตามภารกิจ พนักงานจ้างทั่วไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

      (๓) เป็นเจ้าหน้าที่หรือพนักงาน ของสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด จำกัด และสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานเทศบาล จำกัด

      (๔) มีความประพฤติดีและยินยอมปฏิบัติตามระเบียบของการฌาปนกิจสงเคราะห์

      (๕) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ

(๖) ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือเป็นโรคเรื้อรังจนรักษาไม่หาย

      (๗) อายุไม่เกินห้าสิบห้าปีบริบูรณ์ นับถึงวันที่สำนักงาน ก.ฌ. ได้รับใบสมัคร

  ข้อ ๑๑ ผู้ที่ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิก ให้ยื่นใบสมัครด้วยตนเองที่สำนักงาน ก.ฌ. หรือหน่วยงานต้นสังกัด หรือผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือด้วยวิธีการอื่นใดตามที่คณะกรรมการ ก.ฌ. กำหนด โดยต้องชำระเงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง เงินสงเคราะห์ล่วงหน้า และแนบเอกสารประกอบ ดังนี้

(๑) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 

    (๒) สำเนาทะเบียนบ้าน 

      (๓) ใบรับรองแพทย์ที่มีอายุไม่เกิน 30 วัน 

      (๔) หนังสือยินยอมให้หน่วยงานต้นสังกัดหักเงินสงเคราะห์จากเงินได้รายเดือน 

        ข้อ ๑๒ ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกต้องระบุชื่อผู้ที่ประสงค์ให้ได้รับเงินสงเคราะห์ไว้ให้ชัดแจ้งในใบสมัคร พร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือหลักฐานแสดงตนที่ทางราชการออกให้ ซึ่งระบุเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก

กรณีมีการเปลี่ยนแปลงผู้รับเงินสงเคราะห์ในภายหลัง สมาชิกต้องแจ้งให้ สำนักงาน ก.ฌ. ทราบ ตามแบบที่คณะกรรมการ ก.ฌ. กำหนด พร้อมแนบเอกสารประกอบข้างต้น โดยให้มีผลนับแต่วันที่สำนักงาน ก.ฌ. ได้ลงทะเบียนรับเอกสาร

ข้อ ๑๓ ให้นายทะเบียน ก.ฌ. เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาเห็นชอบให้รับผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตามข้อ ๑๐ และได้ดำเนินการตามข้อ ๑๑ ครบถ้วนเข้าเป็นสมาชิก  โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่สำนักงาน ก.ฌ. ได้รับเอกสารและเงินครบถ้วนถูกต้อง และมีอำนาจพิจารณาเห็นชอบรับผู้ขอกลับเข้าเป็นสมาชิกตามข้อ ๑๖ เข้าเป็นสมาชิก และรายงานคณะกรรมการ ก.ฌ. ทราบ

ข้อ ๑๔ สมาชิกซึ่งโอนหรือย้ายไปรับราชการในสังกัดกระทรวง ทบวง กรม หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น หรือพ้นจากราชการ หรืองานด้วยเหตุใด ๆ ไม่ทำให้ขาดสมาชิกภาพ โดยให้หน่วยงานต้นสังกัดแจ้งให้สำนักงาน ก.ฌ. ทราบโดยเร็ว 

ข้อ ๑๕ สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง เมื่อ

      (๑) ตาย

      (๒) ลาออก โดยทำหนังสือถึงสำนักงาน ก.ฌ. และให้มีผลนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ

      (๓) คณะกรรมการ ก.ฌ. มีมติให้พ้นจากสมาชิกภาพ เนื่องจากไม่ชำระเงินสงเคราะห์ภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ประกาศรายชื่อสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย และสำนักงาน ก.ฌ. ได้มีหนังสือแจ้งให้ชำระเงินภายในสามสิบวันนับแต่วันครบกำหนดครั้งแรก

      (๔) กระทำการใด ๆ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ ก.ฌ. อย่างร้ายแรงและคณะกรรมการ ก.ฌ. มีมติให้พ้นจากสมาชิกภาพ

    การสิ้นสุดสมาชิกภาพตาม (๒) (๓) และ (๔) สมาชิกไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง และเงินสงเคราะห์ ที่ได้ชำระตามระเบียบนี้คืนจาก ก.ฌ. เว้นแต่เงินสงเคราะห์ล่วงหน้าที่ยังไม่ตกอยู่ในความผูกพันที่ต้องจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์ให้แก่สมาชิกที่ถึงแก่ความตาย

ข้อ ๑๖ นอกจากในกรณีตามข้อ ๑๕ (๑) แล้ว ผู้ที่พ้นจากสมาชิกภาพอาจขอกลับเข้าเป็นสมาชิกได้อีก ตราบเท่าที่ยังมีคุณสมบัติตามข้อ ๑๐ และได้ชำระเงินสงเคราะห์และเงินอื่น ๆ ที่ค้างชำระก่อนพ้นจากสมาชิกภาพให้กับ ก.ฌ. จนครบถ้วน และ ก.ฌ. สงวนไว้ซึ่งสิทธิที่จะให้บุคคลดังกล่าวต้องดำเนินการตามข้อ ๑๑ ทั้งนี้ หากพ้นจากสมาชิกภาพเกินระยะเวลาหนึ่งปีไม่มีสิทธิขอกลับเข้าเป็นสมาชิกได้อีก


 

หมวด ๔
เงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง เงินสงเคราะห์ และเงินสงเคราะห์ล่วงหน้า

 


ข้อ ๑๗ การสมัครเข้าเป็นสมาชิก ต้องชำระเงินค่าสมัคร จำนวนหนึ่งร้อยบาท

  ข้อ ๑๘ สมาชิกต้องชำระเงินค่าบำรุงทุกปี ปีละห้าสิบบาท

ข้อ ๑๙ เมื่อสมาชิกคนใดคนหนึ่งถึงแก่ความตาย สมาชิกทุกคนมีหน้าที่ต้องชำระเงินสงเคราะห์ในอัตราศพละห้าบาท ตามประกาศรายชื่อสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย

ข้อ ๒๐ ให้สมาชิกชำระเงินสงเคราะห์ล่วงหน้า จำนวนแปดสิบศพ เป็นเงินคนละสี่ร้อยบาท

สำนักงาน ก.ฌ. จะจ่ายเงินสงเคราะห์ล่วงหน้าคืนให้แก่สมาชิกที่ขอลาออกหรือทายาทของสมาชิกที่ถึงแก่ความตายเท่าที่ยังไม่ตกอยู่ในความผูกพันที่จะต้องจ่ายเงินสงเคราะห์ตามที่ได้จ่ายล่วงหน้าไว้

ข้อ ๒๑ การส่งเงินให้ ก.ฌ. ให้ดำเนินการ ดังนี้

      (๑) กรณีหน่วยงานต้นสังกัดหักเงินจากเงินได้รายเดือนของสมาชิกให้ส่งผ่านระบบ Krungthai Corporate Online ตามวิธีการที่สำนักงาน ก.ฌ. กำหนด

      (๒) กรณีสมาชิกนำส่งเงินด้วยตนเองสามารถนำส่งตามช่องทาง ดังนี้

               - ชำระโดยหักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ตามวิธีการที่สำนักงาน ก.ฌ. กำหนด   

     - ชำระด้วย QR Code ผ่านแอปพลิเคชัน Mobile Banking ตามวิธีการที่สำนักงาน ก.ฌ. กำหนด

(๓) วิธีอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ฌ. กำหนด

ข้อ ๒๒ กรณีที่ไม่สามารถหักเงินสงเคราะห์จากเงินได้รายเดือนของสมาชิกได้ ให้สมาชิกชำระเงินนั้นต่อหน่วยงานต้นสังกัดหรือสำนักงาน ก.ฌ. แล้วแต่กรณีให้หน่วยงานต้นสังกัดของสมาชิกจัดส่งเงินสงเคราะห์ให้สำนักงาน ก.ฌ. ภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนที่ประกาศรายชื่อสมาชิกที่ถึงแก่ความตายนั้น    

ข้อ ๒๓ ในกรณีที่สมาชิกถึงแก่ความตายให้สำนักงาน ก.ฌ. จ่ายเงินค่าจัดการศพ หรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวให้แก่บุคคลซึ่งสมาชิกระบุเจตนาไว้ในใบสมัครให้เป็นผู้รับเงินสงเคราะห์ หรือบุคคลที่สมาชิกได้แสดงเจตนาขอเปลี่ยนแปลงเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งสุดท้ายให้เป็นผู้รับเงินสงเคราะห์ และได้แจ้งสำนักงาน ก.ฌ. แล้ว โดยจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิที่สมาชิกได้ระบุเจตนาไว้โดยตรง หรือผ่านหน่วยงานของสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย

กรณีไม่มีบุคคลดังกล่าวตามวรรคหนึ่ง ไม่ว่ากรณีใด ๆ ให้จ่ายแก่บุคคลตามลำดับก่อนหลัง ดังนี้

(๑) คู่สมรส บุตร บิดา มารดา

(๒) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน

(๓) พี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน

(๔) ผู้ที่อยู่ในอุปการะ หรือ ผู้อุปการะ โดยมีพยานบุคคลอย่างน้อย ๒ คนซึ่งเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ หรือมีหลักฐานแสดงได้ว่าเป็นผู้ที่อยู่ในอุปการะหรือผู้อุปการะของสมาชิก

เมื่อปรากฏว่ามีบุคคลในลำดับก่อน ผู้ที่อยู่ในลำดับถัดไปไม่มีสิทธิ และกรณีมีผู้อยู่ในลำดับเดียวกันหลายคนให้สำนักงาน ก.ฌ. แบ่งจ่ายเงินสงเคราะห์ที่เหลืออยู่ในสัดส่วนที่เท่ากัน

ถ้าปรากฏว่าไม่มีบุคคลตามระบุข้างต้นมายื่นเรื่องขอรับเงินสงเคราะห์ให้สำนักงาน ก.ฌ. ประกาศ ณ ที่ตั้งสำนักงาน ก.ฌ. หรือผ่านเว็บไซต์ เพื่อแสดงเจตนาเปลี่ยนแปลงการครอบครอง หากไม่มีผู้ใดมารับ เงินสงเคราะห์ดังกล่าว ให้ตั้งเป็นเงินสงเคราะห์ค้างจ่ายเป็นระยะเวลาห้าปี นับจากวันที่ประกาศนั้น เมื่อครบกำหนดห้าปีแล้ว ให้เงินสงเคราะห์นั้นตกเป็นเงินรายได้ของ ก.ฌ. 

เงินสงเคราะห์ตามระเบียบนี้ไม่เป็นทรัพย์มรดกของสมาชิกผู้ถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทายาทโดยธรรมของสมาชิกที่ถึงแก่ความตายไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินสงเคราะห์หรือเป็นเหตุฟ้องร้องเรียกเงินสงเคราะห์ไม่ว่ากรณีใด ๆ

ข้อ ๒๔ ในกรณีที่สมาชิกถึงแก่ความตาย ให้ผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์ตามข้อ ๒๓ ยื่นคำร้องเพื่อขอรับเงินสงเคราะห์ต่อสำนักงาน ก.ฌ. พร้อมแนบหลักฐานประกอบ ดังนี้

(๑) คำร้องขอรับเงินสงเคราะห์ (แบบ ก.ฌ.๓)

(๒) สำเนาใบมรณบัตร หรือกรณีบุคคลสาบสูญให้แนบคำสั่งศาลประกอบ

(๓) สำเนาทะเบียนบ้านของสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย (ตัดจำหน่ายตาย)

(๔) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์

(๕) สำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์

(๖) หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล ของผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์ (กรณีมีการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล)

(๗) สำเนาทะเบียนสมรส (กรณีเป็นคู่สมรส)

(๘) เอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี)

ข้อ ๒๕ การจ่ายเงินตามความในข้อ ๒๓ ให้จ่ายตามจำนวนเงินที่คำนวณเก็บได้จากจำนวนสมาชิก โดยจ่ายให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันที่คณะกรรมการ ก.ฌ. อนุมัติ และได้รับเอกสารตามข้อ 24 ครบถ้วนแล้ว

สำนักงาน ก.ฌ. จะหักเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายไม่เกินอัตราร้อยละสี่ของจำนวนเงินสงเคราะห์ ที่เรียกเก็บได้


 

หมวด ๕
สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก

 


  ข้อ ๒๖ สมาชิกมีสิทธิดังนี้

(๑) มีสิทธิแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจการของ ก.ฌ. ต่อคณะกรรมการ ก.ฌ. และมีสิทธิเรียกร้องให้คณะกรรมการ ก.ฌ. กระทำหรืองดเว้นการกระทำเพื่อประโยชน์ของ ก.ฌ. หรือป้องกันความเสียหายอันเกิดขึ้นแก่ ก.ฌ.

(๒) ขอตรวจสอบบัญชีและเอกสารเพื่อทราบการดำเนินกิจการของ ก.ฌ.

(๓) ยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนให้เลิก ก.ฌ. พร้อมด้วยเหตุผลประกอบคำร้องขอโดยมีสมาชิกอื่นร่วมด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของสมาชิกทั้งหมด

(๔) ยื่นคำร้องขอต่อนายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินกิจการ

ข้อ ๒๗ สมาชิกมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ ดังนี้

(๑) ปฏิบัติตามระเบียบ คำสั่ง และมติของคณะกรรมการ ก.ฌ.

(๒) ต้องชำระเงินสงเคราะห์ให้เรียบร้อยภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนที่ประกาศรายชื่อสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย

(๓) การย้ายที่อยู่ เปลี่ยนชื่อตัว เปลี่ยนชื่อสกุล หรือกรณีอื่น ๆ ให้สมาชิกยื่นคำร้องต่อสำนักงาน ก.ฌ. นับแต่วันที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพื่อแก้ไขหลักฐานในทางทะเบียนให้ถูกต้อง

 


หมวด ๖
คณะกรรมการและการดำเนินกิจการ


 

ข้อ ๒๘ ให้มีคณะกรรมการ ก.ฌ. ประกอบด้วย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นประธานกรรมการ และกรรมการจำนวนไม่น้อยกว่าห้าคนแต่ไม่เกินสิบคน

การตั้งกรรมการและเปลี่ยนตัวกรรมการให้เป็นอำนาจของอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในฐานะประธาน ก.ฌ. ซึ่งต้องมีคำสั่งแต่งตั้ง พร้อมส่งสำเนาที่มีคำรับรองว่าถูกต้อง ภายในสามสิบวันไปให้นายทะเบียนทราบด้วย

ข้อ ๒๙ ให้คณะกรรมการ ก.ฌ. เป็นผู้ดำเนินการฌาปนกิจสงเคราะห์และเป็นผู้แทนในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ในการนี้ คณะกรรมการ ก.ฌ. จะมอบหมายให้กรรมการ ก.ฌ. คนหนึ่งหรือหลายคนทำการแทนก็ได้

ข้อ ๓๐ คณะกรรมการ ก.ฌ. ไม่มีสิทธิรับเงินเดือนหรือค่าจ้างหรือเงินอื่นใด

ข้อ ๓๑ คณะกรรมการ ก.ฌ. มีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการของ ก.ฌ. ให้เป็นไปตามระเบียบนี้ รวมทั้งมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

(๑) กำหนดระเบียบและหลักเกณฑ์ เพื่อใช้ในการดำเนินกิจการ ก.ฌ.

(๒) ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามระเบียบ

(๓) จัดการในเรื่องอื่น ๆ ที่จะเป็นประโยชน์แก่การฌาปนกิจสงเคราะห์

(๔) แต่งตั้งที่ปรึกษา คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือคณะกรรมการ ก.ฌ. ในการดำเนินกิจการ

(๕) พิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงาน ก.ฌ.

(๖) ตีความ วินิจฉัยปัญหา และกำหนดวิธีปฏิบัติ เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ

ข้อ ๓๒ ให้คณะกรรมการ ก.ฌ. ประชุมกันเป็นประจำทุกเดือน ๆ ละหนึ่งครั้งถ้ามีเหตุผล และความจำเป็นจะประชุมหรืออาจประชุมกันมากกว่าเดือนละครั้งก็ได้ 

ในการประชุมต้องมีกรรมการ ก.ฌ. มาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งจึงเป็นองค์ประชุม 

ข้อ ๓๓ ให้ประธาน ก.ฌ. เป็นประธานที่ประชุม ถ้าประธาน ก.ฌ. ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้รองประธาน ก.ฌ. คนใดคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่แทน ถ้าทั้งประธาน ก.ฌ. และรองประธาน ก.ฌ. ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการ ก.ฌ. คนใดคนหนึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม

กรรมการ ก.ฌ. มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน การวินิจฉัยใด ๆ ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงชี้ขาด

ข้อ ๓๔ กรรมการ ก.ฌ. พ้นจากตำแหน่ง เมื่อ

(๑) ตาย

(๓) อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในฐานะประธาน ก.ฌ. มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง

(๔) พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือการเป็นข้าราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

 

 

หมวด ๗
การทะเบียน การเงิน และการบัญชี

 

 

ข้อ ๓๕ ก.ฌ. ต้องจัดให้มีทะเบียนสมาชิกตามแบบที่นายทะเบียนกำหนด 

          ข้อ ๓๖ ให้ ก.ฌ. เก็บรักษาทะเบียนสมาชิกและหลักฐานเอกสารที่ใช้ประกอบการลงทะเบียนไว้ที่สำนักงาน ก.ฌ. และให้ส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกที่มีอยู่ในวันที่ครบเก้าสิบวันนับแต่ขึ้นทะเบียนให้แก่นายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันดังกล่าว 

เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายนของทุกปีให้ส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นและแจ้งบัญชีรายชื่อของสมาชิกที่ตายหรือการพ้นจากสมาชิกภาพตามที่นายทะเบียนกำหนดให้แก่นายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นเดือนมิถุนายน      

ข้อ ๓๗ ให้สำนักงาน ก.ฌ. แจ้งหน่วยงานต้นสังกัดของสมาชิกดำเนินการลงทะเบียนสมาชิกให้ถูกต้องตรงกัน  

ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกตามที่ปรากฏในทะเบียนสมาชิกให้สำนักงาน ก.ฌ. รายงานนายทะเบียนตามแบบที่นายทะเบียนกำหนดตามระยะเวลาในข้อ ๓๖

ข้อ ๓๘ ก.ฌ. ต้องจัดให้มีบัญชีแสดงฐานะการเงินตามแบบที่นายทะเบียนกำหนด และต้องเก็บรักษาเอกสารประกอบบัญชีที่แสดงให้เห็นความถูกต้องแห่งบัญชีนั้นไว้ด้วย

ข้อ ๓๙ เงินทุกประเภทที่ ก.ฌ. ได้รับต้องนำฝากธนาคารของรัฐหรือธนาคารพาณิชย์ที่เชื่อถือได้ในนามของ ก.ฌ.

ข้อ ๔๐ เงินหรือผลประโยชน์ของ ก.ฌ. ที่ได้รับมาหรือมีผู้บริจาคด้วยศรัทธา หรือดอกผลที่ฝากธนาคารให้ตกเป็นของ ก.ฌ. ทั้งสิ้น

ข้อ ๔๑ ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีปฏิทินของทุกปี ก.ฌ. จะต้องทำบัญชีแสดงฐานะการเงินตามแบบที่นายทะเบียนกำหนดเสนอต่ออธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในฐานะประธาน ก.ฌ. เพื่อขออนุมัติ และต้องส่งสำเนาบัญชีแสดงฐานะการเงินที่มีคำรับรองว่าถูกต้องและเอกสารประกอบบัญชีแสดงฐานะการเงินให้แก่นายทะเบียน ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอนุมัติ และให้แสดงบัญชีแสดงฐานะการเงินนั้นไว้ที่สำนักงาน ก.ฌ. เพื่อให้สมาชิกและผู้ที่มีส่วนได้เสียตรวจดูได้ด้วยนับแต่วันที่ได้รับอนุมัติ เพื่อการนี้จะแต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีดำเนินการก็ได้

ข้อ ๔๒ วิธีการรับเงิน การเก็บรักษาเงิน การเบิกจ่ายเงิน และการตรวจเงินให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการ ก.ฌ. กำหนด 

ข้อ ๔๓ หลักฐานและเอกสารทางทะเบียน การเงิน การบัญชี และบัญชีแสดงฐานะการเงินสำนักงาน ก.ฌ. จะต้องเก็บรักษาไว้ไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี

  


หมวด ๘
การแก้ไขหรือเพิ่มเติมระเบียบ

 


ข้อ ๔๔ การแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบนี้ จะกระทำได้เมื่อไม่ขัดต่อวัตถุประสงค์ของ ก.ฌ. และระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจและองค์กรวิชาชีพซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้กำกับของรัฐ พ.ศ. 2547 และให้เป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการ โดยมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมด และแจ้งให้นายทะเบียนทราบ เมื่อนายทะเบียนพิจารณาเห็นว่าถูกต้องแล้ว ก็ใช้บังคับได้

 

 

หมวด ๙
การเลิกการฌาปนกิจสงเคราะห์

 

 

ข้อ ๔๕ ในกรณีที่ได้รับคำสั่งจากนายทะเบียนให้เลิก ก.ฌ. ให้คณะกรรมการ ก.ฌ. ประชุมพิจารณาว่าสมควรเลิก หรือจะมีทางแก้ไขประการใด ถ้าที่ประชุมมีมติไม่ให้เลิกและมีเหตุผลและวิธีการแก้ไขประการใด ให้ทำหนังสืออุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยยื่นต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง

ข้อ ๔๖ เมื่อต้องเลิก ก.ฌ. ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในฐานะประธาน ก.ฌ. มีหน้าที่รับผิดชอบในการชำระบัญชีให้เสร็จโดยเร็ว และเมื่อได้ชำระบัญชีแล้ว ถ้ามีทรัพย์สินเหลืออยู่เท่าใด ให้นำทรัพย์สินนั้นไปใช้จ่ายในด้านสวัสดิการตามที่ระบุไว้ในระเบียบนี้ หรือตามมติของคณะกรรมการ ก.ฌ. ต่อไป ในกรณีที่มิได้ระบุไว้ในระเบียบหรือคณะกรรมการ ก.ฌ. มิได้มีมติไว้ให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน


 

บทเฉพาะกาล

 

 

ข้อ ๔๗ ให้สมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์พนักงานเทศบาล ลูกจ้าง และสมาชิกสภาเทศบาล ตามระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๔ ก่อนวันที่ระเบียบนี้มีผลบังคับใช้ เป็นสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่นตามระเบียบนี้

ข้อ ๔๘ ให้คณะกรรมการและพนักงานของการฌาปนกิจสงเคราะห์ตามระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าด้วยการฌาปนกิจส่งเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งได้รับแต่งตั้งและปฏิบัติหน้าที่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ มีผลใช้บังคับมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการต่อไป จนกว่าจะมีการแต่งตั้งตามระเบียบนี้

ข้อ ๔๙ ให้บรรดากิจการ อำนาจหน้าที่ ทรัพย์สิน งบประมาณ หนี้ สิทธิ ภาระผูกพันของ ก.ฌ. เป็นไปตามระเบียบนี้

ข้อ ๕๐ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง มติ และหนังสือใด ๆ ตามระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ใช้บังคับต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ จนกว่าจะมีระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง มติ หรือหนังสือตามระเบียบนี้

ข้อ ๕๑ บรรดาแบบพิมพ์ ทะเบียน บัญชี ตลอดจนหลักฐานเอกสารใด ๆ ที่จัดทำไปก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นการสมบูรณ์และใช้เป็นหลักฐานได้ตามระเบียบนี้

ข้อ ๕๒ กรณีผู้สมัครเป็นสมาชิกที่มีอายุเกินห้าสิบห้าปีแต่ไม่เกินหกสิบปีบริบูรณ์ให้มีสิทธิสมัครเป็นสมาชิกได้ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ

ข้อ ๕๓ กรณีผู้ที่พ้นจากสมาชิกภาพก่อนวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ ให้มีสิทธิขอกลับเข้าเป็นสมาชิกตามข้อ 16 ได้ ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับนี้

 

ประกาศ  ณ  วันที่ ๑๘ กันยายน  พ.ศ.  ๒๕๖๗

 

(นายขจร  ศรีชวโนทัย)

อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

 


 

ดาวน์โหลด ระเบียบการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่น


 


 


 

 

Copyright© siteground